เมื่อวานนี้ (8 ส.ค.) ผู้ใช้เฟสบุ๊กชื่อ Rinrada Poommaran สล็อตแตกง่ายได้โพสต์เตือนภัย ถึงประสบการณ์ที่ตนได้เข้าพักที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งใน อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา และถูกวัยรุ่นบุกเข้ามาในห้องทำร้าย และพยายามฆาตกรรม โดยหญิงสาวรายนี้ เดินทางไปร่วมงานแต่งของพี่สาว และมีการเปิดห้องที่รีสอร์ตทั้งหมด 11 ห้อง ในคืนแรกตนนอนกับพี่สาวซึ่งเป็นเจ้าสาว และไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอคืนที่ 2 หลังจากเสร็จจากงานแต่งงาน ตนก็กลับมาที่พัก และนอนคนเดียว โดยทางพี่สาวได้บอกให้ตนล็อกห้องดีๆ เพราะ ทั้งพี่สาวและพี่เขยเห็นว่ามีชายวัยรุ่นพักอยู่ห้อง 12 ซึ่งเป็นห้องข้างๆ
เมื่อถึงเวลาประมาณตี 1 ครึ่ง ตนตื่นมาเห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่ปลายเตียง
อายุประมาณ 16-17 ปี ผิวคล้ำ รูปร่างผอม เมื่อถามว่าใคร ชายคนนั้นก็ตอบว่า ‘ปอนด์’ แล้วก็ตรงเข้ามาคร่อมพร้อมต่อยหน้าจนเลือดกำเดาไหล คาดว่าตั้งใจให้หมดสติ เมื่อตนร้องขอความช่วยเหลือ ชายรายนี้ก็ใช้หมอนกดหน้า แต่ตนก็ต่อสู้และลุกขึ้นมาบีบคอคนร้าย คนร้ายเองก็บีบคอตน จนสุดท้ายคนร้ายตัดสินใจวิ่งหนีไปด้านระเบียงรีสอร์ต ตนพบว่ารองเท้าแตะยี่ห้อ Nike และเงินสดอีก 1,000 บาทหายไปด้วย
ตนได้วิ่งไปหาแฟนและน้องชายซึ่งนอนอยู่ห้องตรงข้าม พร้อมทั้งโทรหาพี่สาว ก่อนจะเดินไปติดต่อพนักงานเพื่อขอดูกล้องวงจรปิด และสอบถามประวัติคนเข้าพัก แต่คนดูแลกลับตอบว่า “แล้วจะให้ผมทำไง” พี่สาวและตนโวยวายให้โทรเรียกเจ้าของ พนักงานคนดังกล่าวจึงยอมไปตามเจ้าของมา
ตนได้เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจและเข้าตรวจร่างกาย เมื่อกลับมาที่พัก ผู้ที่บอกว่าเป็นลูกเขยของเจ้าของ ก็แจ้งตนว่ากล้องวงจรปิดที่รีสอร์ตใช้ไม่ได้ทั้งหมด และไม่มีหลักฐานคนเข้าพัก
ต่อมา ทางรีสอร์ตให้ทนายโทรหาพี่สาวตน และถามว่าต้องการค่าเสียหายเท่าไร ซึ่งพี่สาวก็ตอบไปว่าทางตนต้องการความรับผิดชอบ ไม่ใช่มาพูดเช่นนี้ และเมื่อพูดคุยกับผู้ที่เป็นลูกเขยเจ้าของ ทีแรกก็บอกว่าจะชดเชยให้ 4,000 บาท แต่ทางบ้านตนไม่ยอม จึงโทรกลับไปเพื่อไกล่เกลี่ย และเจ้าของบอกว่าจะให้เงิน 10,000 บาท และบอกว่าให้ช่วยๆ กัน ตนจึงรู้สึกไม่โอเคเป็นอย่างมาก
ทางเจ้าของรีสอร์ต บอกตนว่าจะขอติดต่อกับตำรวจก่อนแล้วก็หายตัวไป เมื่อตนได้พูดคุยกับตำรวจ ตำรวจระบุว่า พบรองเท้าที่หายไปของตนอยู่หลังห้อง 4/4 ซึ่งเป็นห้องที่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง และตอนนี้ยังจับคนร้ายไม่ได้ เพราะต้องรอพิสูจน์ลายนิ้วมือ และอาจต้องใช้เวลาเกือบเดือน โดยทางรีสอร์ตไม่มีการติดต่อแสดงความรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น
วันนี้ (9 ส.ค.) เกิดเหตุคนร้ายใช้ปืนจี้ชิงทรัพย์ร้านสะดวกซื้อ สาขาเพชรเกษม 46 แขวงบางหว้า กทม. โดยคนร้ายได้ยิงนายสุรเดช จิตนา อายุ 25 ปี พนักงานร้าน ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณโคนขาหนีบซ้าย 1 นัด และศีรษะ 1 นัด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้รีบนำส่งร.พ.เพชรเกษม 2 แล้ว
ด้านหน้าร้าน เจ้าหน้าที่ตำรวจพบ มีหลอดใส่ธนบัตร 1 พันบาทตกอยู่ โดยพนักงานในร้านคนหนึ่ง เล่าเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุ กำลังยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์เก็บเงินกับเพื่อนผู้หญิงอีกคน และคนร้ายซึ่งสวมเสื้อแจ๊คเก็ตสีดำ สกรีนตัวอักษร CC สวมกางเกงยีนส์ขายาว สวมหมวกกันน็อกสีดำแบบเต็มใบ เดินเข้ามาหน้าเคาน์เตอร์ และชักอาวุธปืนมาจ่อตน ก่อนจะบอกว่า “ส่งเงินมากูจะนับ 1 ถึง 5 ถ้าไม่ส่งให้กูจะยิง” พร้อมกางถุงรอเงิน ตนตกใจกลัวจึงหยิบเงินสดใส่ลงไป 4 มัด มัดละ 1,000 บาท
รวบหัวหน้าแก๊งค้ายาข้ามชาติ ขนยาทางเรือหางยาวข้ามชายแดน
เมื่อวานนี้ (8 ส.ค.) ตำรวจรวบตัวนายบุนปะสง ด้วงปันยา อายุ 25 ปี และนางจันถาวอน พรมมะวงศ์ อายุ 26 ปี สองพี่น้องชาวลาว พร้อมด้วยของกลางเป็นยาบ้าจำนวน 60,000 เม็ด และเงินสด 200,000 บาท ก่อนการจับกุม เจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่สืบทราบว่าช่วงเช้ามืดของวันที่ 7 ส.ค.จะมีแก๊งขนยาบ้าเดินทางมาจากประเทศเพื่อนบ้านทางเรือหางยาว เพื่อมาขึ้นฝั่งที่ ต.หาดคำ อ.เมือง จ.หนองคาย จึงได้ประสานตำรวจตระเวนชายแดน ร่วมวางกำลังตามแนวริมฝั่งโขง และพบการขนส่งยาบ้าจำนวน 3 มัด ซึ่งมียาบ้าทั้งหมด 60,000 เม็ด แต่ของกลางนี้ถูกทิ้งไว้ริมแม่น้ำโขง โดยไม่พบตัวผู้ครอบครอง พบเพียงรอยเรือหางยาวแล่นออกจากท่าน้ำไป
เจ้าหน้าที่คาดว่า แก๊งส่งยาน่าจะนำยาบ้าทั้ง 3 มัดนี้มาทิ้งไว้ให้พ่อค้าคนไทย แต่มาเจอเจ้าหน้าที่ที่ดักซุ่มอยู่จึงรีบหนีกลับไป ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่เผยว่า ทีมสืบสวนสอบสวนรู้เบาะแสว่าแก๊งค้ายาแก๊งใหญ่แก๊งนี้ ส่งยาบ้ามาไทยครั้งละ 60,000 – 100,000 เม็ดเพื่อให้พ่อค้าคนไทยนำไปขายต่อ โดยนายบุนปะสง และนางจันถาวอน เป็นหัวหน้าขบวนการ เมื่อการส่งมอบสำเร็จ สองพี่น้องก็จะเดินทางข้ามฝั่งมารับเงินสด โดยมีจุดนัดหมายเป็น ร้านกาแฟในปั๊มน้ำมันที่อยู่ติดสะพานมิตรภาพไทย-ลาว เป็นประจำ
ครั้งนี้ มีการสั่งยาบ้าเช่นเคย และพ่อค้าคนไทยเตรียมจะจ่ายเงิน 1,700,000 บาทแก่สองพี่น้องในที่นัดหมาย ตำรวจจึงให้สายนำเงิน 200,000 บาทไปจ่ายวางมัดจำแก๊งยาบ้าสองพี่น้องนี้ จนสามารถจับกุมได้ในที่สุด
นางจันถาวอน สารภาพว่า ทั้งสองคนเป็นคนรับซื้อยาบ้าจากประเทศเพื่อนบ้านมาส่งให้ลูกค้าคนไทย โดยนัดหมายกันใช้เรือหางยาวขนยาบ้าครั้งละ 60,000 – 200,000 เม็ด ข้ามฝั่งมาส่งตามแนวชายแดนริมฝั่งโขง เมื่อมีคนมารับยาบ้าไป พวกตนก็จะข้ามฝั่งมารับเงินที่ร้านกาแฟดังกล่าว แล้วเดินทางกลับประเทศ โดยสองพี่น้องนี้ค้ายาบ้ามานานหลายปีแล้ว จนมีฐานะร่ำรวย สร้างบ้านหลังใหญ่และซื้อรถหรูหลายคัน
หลังการแถลงข่าวจับกุม เจ้าหน้าที่ได้นำทั้งสองหัวหน้าแก๊ง พร้อมด้วยของกลางส่งพนักงานสอบสวนสภ.เมืองหนองคายเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายสล็อตแตกง่าย